Facebook Marketing 101 #101-06 บทที่ 06
“วิธีการโพส แบบต่างๆ บนแฟนเพจ”
บอกเลยตอนนี้เนื้อหาเยอะมากครับ แต่เพื่อความเข้าใจ ไปชมกันเลย

หลังจากที่เราเรียนรู้วิธีการสร้างร้านค้า หรือ “สร้าง Facebook Fanpage”
ต่อไปเราไปรู้จักกับ การจัดวางสินค้า หรือโปรโมตสินค้ากันครับ นั่นคือ “การโพส” นั่นเอง
แล้วทำไมเราต้องโพสด้วยล่ะ ?
- ถ้าเปิดร้านมาแล้วไม่มีป้ายโชว์เลย ก็คงแปลกๆนะครับ ลูกค้ามาถึง “เห้ย ร้านนี้ขายอะไรวะ” ร้านเราไม่เพียงอาจจะเสียโอกาสลูกค้า ยังเสี่ยงต่อ Bad Impression อีกด้วย และที่น่ากลัวคือ ปากต่อปาก ครับ ต้องอย่าลืมนะครับ สินค้ามันจะขายตัวมันเองได้ ก็ต่อเมื่อเราต้องสร้างเรื่องราวให้เค้าก่อน
- โพส ช่วยสร้างความสนใจให้กับร้านค้าเพิ่มขึ้นครับ ถ้าคนเข้าร้านมาเห็นแต่สินค้า แต่ไม่มีป้ายแนะนำสินค้า หรือเรื่องราวอื่นๆเลย ลูกค้าคงแค่เห็น แล้วก็ออกจากร้านอย่างรวดเร็ว แต่การมีโพสนี่แหละทำให้ลูกค้าอยู่เล่นในร้านเรามากขึ้น แล้วลองคิดดูนะครับ ถ้าลูกค้าอยู่ในร้านนานขึ้น จะเกิดอะไรขึ้น
- ลูกค้าก็จะเข้ามาเพิ่มขึ้น “เห้ย ร้านนี้คนเยอะเว้ย ลองดูหน่อยสิ” !
- เพิ่มโอกาสในการตัดสินใจในการซื้อสินค้า
- เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าจากเรื่องราว
- ลูกค้าสามารถจดจำเราง่ายขึ้น


(ภาพไหนได้อารมณ์กว่ากันครับ รูปเปล่าๆด้านซ้าย หรือเติมโพส หรือคอนเท้นท์ ลงไป)
แล้วการโพสใน แฟนเพจ (Fanpage) มีกี่แบบกันบ้าง

(ภาพจากแฟนเพจ ผมเองครับ ถ่ายมาสดๆเลย เดี๋ยวมาดูกัน)
- วิธีการโพส Content ธรรมดา
การโพสแบบนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าข้อความ พร้อม Emoji น่ารักๆทั่วไป
(ภาพจากเพจ Donald J. Trump)
สำหรับการโพสแบบนี้ก็สามาถพิมพ์ในช่องเหมือนโพสทั่วไปปกติได้เลยครับเรียกได้ว่าเป็นวิธีโพสทั่วไปนั่นเอง
(ภาพจากเพจผมเอง)
พิมพ์เสร็จก็กด Publish ได้เลย เป็นอันเสร็จ - วิธีการโพส Content + รูปภาพ
คล้ายกับด้านบน แต่เพิ่มเติมคือมีรูปนะ
(ภาพจากเพจ Donald J. Trump)สำหรับการโพสแบบนี้ก็สามาถพิมพ์ในช่องเหมือนโพสทั่วไป เหมือนกันครับ
(ภาพจากเพจผมเองอีกแล้ว สังเกตุ วงกลมสีแดง)
กดสัญลักษณ์กล้องถ่ายรูปตรงวงกลมสีแดงครับ แล้วเลือกรูปภาพลงได้เลย
หลังจากนั้นก็กด Publish ได้เลย เป็นอันเสร็จ - วิธีการโพสแบบอัลบั้มรูป
เป็นการอัพเกรดขึ้นมาอีกระดับจากข้อ 2. นั่นคือทำเหมือนกันเลยครับ เพียงแต่ใส่รูปมากกว่า 1 รูปนั่นเอง
ผลที่ได้ก็จะได้ตามรูปด้านล่างเลยหรือจะกดจากหน้าฟังก์ชันจากรูป “Share a Photo or Video”
แล้วเลือก “Create Photo Album” จากนั้นก็บรรเลง ใส่รูปและ Content ในแต่ละรูปได้เลยครัช
หลังจากนั้นก็จะขึ้นตามในภาพ
หมายเลข 1. ให้เราใส่ชื่อ อัลบั้ม ที่จะโพส
หมายเลข 2. ใส่ Content หรือ ข้อความที่เราอยากจะโพส โชว์ให้คนเห็นก่อน
หมายเลข 3. ส่วนนี้จะเป็นภาพแรกของอัลบั้มที่จะโชว์ และภาพอื่นๆจะอยู่ด้านล่าง
ถึงเราจะใส่รูปไปแล้ว ก็สามารถคลิกลากเปลี่ยนกับภาพอื่น หรือจัดลำดับของภาพได้
นอกจากนี้ด้านล่างเรายังใส่ข้อความอธิบายภาพได้ครับ
หมายเลข 4. เราสามารถเลือกภาพใส่เพิ่มเติมได้นะ หากรู้สึกว่าภาพน้อยไป หรือใส่ไม่ครบ
หลังจากจัดรายละเอียดอัลบั้มเรียบร้อย ก็กด Post ปุ่มสีน้ำเงินตรงมุมด้านขวาได้เลย เป็นอันเสร็จ - วิธีการโพสแบบ เลื่อนดูทีละรูป หรือ “Carousel”
การโพสแบบนี้จะให้เราใส่ทีละรูปครับ และเขียน Content โดยมีลิ้งไปยังเวปไซต์ที่เราต้องการ
ไปดูวิธีกันเลย
– เลือก “Create a Photo/Video Carousel”– เลือกใส่ลิ้ง URL ไปยังปลายทาง หากมีคนคลิกที่ภาพ จากนั้นก็คลิก เครื่องหมายลูกศรเพื่อไปหน้าถัดไป
– ต่อมาเพิ่มภาพได้โดยกดเครื่องหมาย + ด้านล่าง หลังจากใส่รูปเราสามารถใส่ Headline, Text รวมถึง URL link ได้ด้วยในแต่ละรูป
– จากนั้นกด Publish เป็นอันเสร็จ จะได้หน้าตาประมาณนี้ครับ
- วิธีการโพสแบบ “Slide Show”หรือ “Dynamic Show”
เป็นวิธีการโพสแบบ ภาพเคลื่อนไหวเอง โดยที่คนดูไม่ต้องกดเพื่อเลื่อนดูรูปอื่นๆเหมือนแบบ “Carousel” ซึ่งวิธีนี้เหมาะกับการโพสขายของที่เป็นเซ็ตเยอะๆ ซึ่งใส่สินค้าได้เยอะกว่าแบบ “Carousel” เอาละไปดูวิธีกันเลย- เริ่มจากคลิกที่หัวข้อ “Create Slide Show”– หลังจากขึ้นภาพตามนี้ก็สามารถปรับแต่งต่อได้ตามนี้เลย
หมายเลข 1. การปรับอัตราส่วนรูปภาพที่จัดแสดงครับ
หมายเลข 2. ระยะเวลาในการโชว์แต่ละภาพ
หมายเลข 3. เอฟเฟคในการเปลี่ยนภาพ อยากให้เปลี่ยนแบบไหน
หมายเลข 4. เราจะใส่กี่ภาพก็จัดได้ที่ตรงด้านล่าง
หมายเลข 5. ช่วย Preview ว่าสไลค์ที่เราทำถูกใจแล้วหรือยัง ก็สามารถปรับตามได้
หมายเลข 6. เป็นลูกเล่นที่แหล่มเลยทีเดียว เพราะเราใส่เพลงลงไปได้ครับ– มาดูกันต่อที่การใส่เพลงให้กับ “Slide Show”
เค้าจะมีรายชื่อเพลงมาให้ ซึ่งสามารถกดกดเลือก แล้วลองเล่นดูก่อนได้เลย
หลังจากนั้นกด “Create Slideshow” ปุ่มน้ำเงินด้านล่างเป็นอันเสร็จครับ– เอาล่ะหน้าตาหลังเสร็จก็จะเป็นแบบนี้, คล้ายกับ Carousel เพียงแต่คนดูไม่ต้องมานั่งกดสไลค์เลื่อนเอง
(Credit GIF: Buffet Blog) - วิธีการโพสแบบ “Canvas”
เป็นวิธีการโพสที่ผมชอบมาก เพราะเหมือนกับเรากำลังอ่านหนังสือพิมพ์ โดยไม่ต้องคลิกเข้าเวปไซต์ไปยัง แหล่งอื่นๆ แล้วต้องเสียเวลามานั่งโหลดนานๆเสียเวลากว่าจะได้อ่านแต่ละที
ซึ่งการโพสแบบนี้ ผู้อ่านสามารถเข้าถึงได้ง่าย และเข้าถึงเนื้อหาที่เราอยากนำเสนอมากที่สุด เพราะสมัยนี้ Content ต้องเน้นโหลดไว เน้นข้อความชัดเจน แค่นั้นพอคือสิ่งที่คนดูต้องการเอาละไปลงมือทำกันเริ่มจาก เลือกหัวข้อเดิมก่อนเลยครัช แล้วไปที่ “Create a Canvas”– ต่อมา มี 2 ส่วนที่ต้องทำหมายเลข 1. ใส่ Content ของเราเพื่อให้คนได้เห็นโพสของเราก่อน
เป็นการเรียกน้ำย่อย ก่อนการคลิกเข้ามาอ่านเพิ่มเติมนั่นเอง
หมายเลข 2. เป็นการสร้าง Canvas หรือกระดานที่เราไว้เขียนเรื่องราวเพิ่มเติมต่อจากข้อ 1.
เสร็จแล้วกดเครื่องหมาย + ได้เลย เข้าสู่ขั้นตอน “การสร้าง Canvas”– ก่อนเริ่ม ถ้าหากทำครั้งแรก เราต้องสร้างใหม่หมดทุกอย่าง
หมายเลข 1. คือส่วนของ “การสร้าง Canvas” แผ่นใหม่
หมายเลข 2. คือส่วนของหัวข้อที่เราจะกดเพื่อเติมเต็ม Canvas ต่อไป
หมายเลข 3. หลังจาก Canvas เสร็จ จะถูกโชว์คร่าวๆ ก่อนการโพสลงร้านค้าเราจริงๆ
เอาล่ะ เริ่มมาก็กด 1. (Component) กันก่อนเลยครับ– หลังจากกด Component จะมี 6 ปุ่มให้เลือกว่าเราจะเพิ่มลูกเล่นอะไรลงบน Canvas เรา
หมายเลข 1. ทำการเพิ่มปุ่ม: สามารถแต่งได้ว่า เมื่อมีคนกดปุ่มนี้จะให้ลิ้งค์ไปหน้าไหน หรือเวปไซต์ไหนๆ โดยสามารถเขียน Content ลงบน ปุ่ม ได้ด้วย เหมือน CTA เลยหมายเลข 2. Carousel: มาอีกแล้วกับฟังก์ชั่นใส่ภาพ ซึ่งมาเป็นแพกเกตให้เลย เราเลือกภาพได้ เลือก Text, Headline หรือ URL ก็ตามสะดวก เหมือน วิธีการโพสแบบ เลื่อนดูทีละรูป หรือ “Carousel” ในหัวข้อที่ 4.
หมายเลข 3. ใส่รูปภาพแบบเดี่ยวๆ เข้าใจกันดีเนอะ
หมายเลข 4. ใส่ Text หรือ ข้อความที่เราจะเขียนลงไป
หมายเลข 5. ใส่ Video ลงบน Canvas ได้ด้วยนะ
หมายเลข 6. Header อยากให้เป็นรูปอะไรก็เลือกกันเลย
หลังจากเลือก Component ที่เราต้องการจะจัดวางแล้ว ก็เลือก “OK” ปุ่มน้ำเงินด้านขวาล่างเป็นอันเสร็จ
– ต่อมาคือการจัดวาง Layout ครับ หรือจัดรูปแบบของ Canvas ซึ่งสามารถดูตัวอย่างที่เราจัดก่อนเผยแพร่ได้ในพื้นที่ด้านขวา หมายเลข 4.
หมายเลข 1. ไว้ตั้งชื่อ Canvas ของเรา
หมายเลข 2. ไว้ปรับ Component เป็นส่วนๆตามที่เราเลือก เช่นเราเลือก Text มันก็จะไว้ปรับสี ปรับขนาดตัวอักษร หรือชนิดตัวอักษรนั่นเอง
หมายเลข 3. ไว้เพิ่ม Component– เริ่มแรกอาจจะงงบ้าง แต่ทำไปเรื่อยๆจะมีแนวทางของตัวเอง และสนุกครับ
ใกล้เสร็จแล้ว เรามาดูสัญลักษณ์มุมบนขวากันบ้าง
หมายเลข 1. ไว้สำหรับกดชมตัวอย่างในมุมมองของคนที่เห็น ว่าเค้าเห็นอย่างไร โอเครไหม
หมายเลข 2. เป็นการแชร์ไปยังที่อื่นๆ
หมายเลข 3. เซฟ Canvas ของเราไว้เป็น Theme มาครั้งหน้าก็โหลดใช้ใหม่ได้เลย
หมายเลข 4. ทำการเผยแพร่นั่นเอง– เสร็จแล้วก็กด Finish แล้วเผยแพร่เลย จะได้หน้าตาประมาณนี้ครับ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
(ภาพ Canvas จากแฟนเพจผมเอง)
การโพสทั้งหมดบน Facebook Fanpage ก็จะมีประมาณนี้
ส่วนบทต่อไป
จะพาไปชมการลง Video กันครับ
“การใส่ Video ลงใน Facebook Fanpage” << อ่านต่อโลด