“การตลาด” คืออะไร
สมาคมการตลาดของอเมริกา (American Marketing Association) ได้ให้นิยามของการตลาดไว้ว่า
(หน้าตา โลโก้ สมาคม)
“กิจกรรมต่างๆ ที่สร้างขึ้น หรือจัดขึ้นเพื่อให้เกิดการสื่อสาร ,ส่งผ่านข้อมูล, รวมถึงคุณค่า จากเราสู่ลูกค้า, ผู้ร่วมค้า หรือแม้กระทั่ง ผู้คนทั่วไปที่เราต้องการส่งถึง”
สมัยก่อน เราจะเห็นว่าถ้าเรามีผลิตภัณฑ์ต้องการจะขาย
- เราต้องระบุเป้าหมายก่อน ว่าผลิตภัณฑ์เราจะขายใคร
- ช่องทางในการเข้าถึงลูกค้า
- เราจะสื่อสารอย่างไร ให้ลูกค้าเราสนใจ
- ปิดการขาย + รับคำแนะนำทดลองสินค้า + พัฒนาผลิตภัณฑ์พร้อมขยายฐานลูกค้า
(การตลาดสมัยก่อน ที่เราต้องใช้เงินจำนวนมากในการโฆษณา เช่นทาง TV)
วิเคราะห์เล่นๆ การตลาดสมัยเก่า vs. การตลาดสมัยใหม่
- ข้อแรก – ระบุลูกค้า
ไม่ว่าอดีต หรือปัจจุบัน วิธีในการค้นหาลูกค้าแทบไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก เช่น หากเราต้องการขาย “กาแฟ” ก็คงต้องจดในบันทึกว่า ลูกค้าลำดับต้นๆเป็นคนที่ชอบดื่ม “การแฟ”, “ผู้ชาย”, “อายุตั้งแต่ 18 ขึ้นไป” - ช่องทางขาย
ถ้าเป็นเมื่อก่อน หลังจากข้อแรกเสร็จ ก็คงเดินหาลูกค้า เจอ 1 คน ก็เท่ากับ 1 ราย ใช้เวลา อาจจะ 10 นาที – 1 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น ในการเดินทาง จนถึงปิดการขาย
ปัจจุบัน เรามีหลายช่องทาง และหลายเครื่องมือในการ เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก เช่น Facebook, Google, Line, และช่องทางอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งเพียงแค่ 1 วันก็สามารถโชว์ ผลิตภัณฑ์เข้าถึงลูกค้าได้นับ 100 นับ 10,000 หรือ นับ 1,000,0000 คน ต่อวันก็ได้ ขึ้นกับ เงินลงทุน (Budget) ของคุณ
และแน่นอนว่า ยิ่งแต่ละวันคนมองเห็นมากกว่าเดิมหลาย ร้อย หลาย พันเท่า นั่นหมายถึง โอกาสในการขายของแต่ละวัน ก็มากขึ้นทวีคูณ รวมถึงรายได้ ต่างๆที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด - การสื่อสาร
ถ้าเป็นเมื่อก่อน คงต้องมานั่งเตรียมกันเป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน ทั้งออกแบบ ให้ดีก่อนการนำเสนอให้แต่ละคนดู เพราะคนแต่ละคนก็มีความชอบไม่เหมือนกันอีก
ปัจจุบัน เราสามารถทำ A//B Testing (จะอธิบายเพิ่มในบทถัดๆไปครับ) เพื่อทดสอบความชอบของแต่ละคนได้ ว่าใครคือลูกค้าเราที่แท้จริง เพื่อเก็บไว้เป็นฐานลูกค้า และใครที่ไม่ใช่ เพื่อทำการคัดออก ดังนั้นการตลาดออนไลน์ จึงเป็นอะไรที่ง่าย และทำได้ไวมากกว่าแต่ก่อนมากครับ - ปิดการขาย
ไม่ว่าอดีต หรือปัจจุบัน การปิดการขาย ไม่ต่างกันมากนัก เพราะถ้าลูกค้าสนใจในผลิตภัณฑ์เราจริงๆ หรือลูกค้าเข้าใจใน ข้อ 3. ที่เราได้นำเสนอหรือพยายามอธิบายมา ลูกค้าจะซื้อเองและปิดการขายอย่างง่ายดาย รวมถึงถ้าเราเลือกลูกค้าถูก ลูกค้ากลุ่มนั้นจะเหมือนทำหน้าที่การตลาดให้เราไปโดยปริยายครับ แล้วถ้าลูกค้าไม่ชอบล่ะ นั่นคือขั้นต่อไปในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์โดยฟังจากเสียงของลูกค้าครับ (จะอธิบายโดยแทรกในบทถัดๆไป)
“การที่ลูกค้าบ่นเรานั่นแหละ คือสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในการเรียนรู้” –
บิล เกตส์, ไมโครซอฟท์ (บุคคลที่รวยที่สุดในโลก 2016)
แล้ว ?
จะเริ่มเรียน “การตลาดออนไลน์” อย่างไรดีนะ << คลิกอ่านต่อได้เลย !