รีวิวสอบภาษาอังกฤษซักหน่อย
ตัวที่บอยด์สอบเรียกว่า
Duolingo English Test
มีเวปไซต์ตามเข้าไปชมกันได้
https://englishtest.duolingo.com/
ไม่แน่ใจว่ามีการรองรับสอบภาษาอื่นๆด้วยหรือไม่
แต่ที่แน่ๆมีรองรับ English Proficientcy
ซึ่งมีหลายมหา’ลัยให้การรองรับ
และใช้สอบเพื่อเทียบกับคะแนน TOEFL, IELTS ได้
.
.
ทำไมถึงมาสอบ Duolingo ล่ะ
ข้อดีเลย
- ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับ TOEFL และ IELTS
- สำหรับ Duolingo ราคาสอบต่อครั้งอยู่ที่ 49$
- การสอบไม่ยุ่งยากใช้เวลาสอบประมาณ 1 ชั่วโมง
- รู้ผลหลังสอบภายในไม่เกิน 48 ชั่วโมง รอบล่าสุดไม่ถึง 12 ชั่วโมงรู้ผลเลย ไวเวอร์วังมวาก
- สอบที่บ้านได้ ใช่ครับสอบที่บ้านได้โคตรดี ไม่เปลืองเงิน ไม่เสียเวลา
ข้อเสีย
- ไม่ใช่ทุกที่จะรับ Duolingo Test ดังนั้นเล็งที่ไหนไว้ลองเช็คดีดีก่อนว่าเค้าใช้ English test ตัวไหนเป็นเกณฑ์ในการรับเข้าเรียนต่อ
- การติดตั้งเพื่อสอบอาจจะยุ่งยาก และจุกจิกกฎเกณฑ์เยอะแยะ เช่นผมยาว อ้าย xxx …
- คิดออกเท่านี้อา
มาพูดถึงคะแนนแยกย่อยบ้าง
คะแนน แบ่งออกเป็น การทดสอบ 4 ส่วนด้วยกัน
Literacy เป็นความสามารถในการอ่านและเขียน
Comprehension ความสามารถในการฟัง และอ่าน
Conversation ความสามารถในการพูด และฟัง
Production ความสามารถในการเขียนและ พูด
.
.
ซึ่งไม่เหมือนกับ TOEFL หรือ IELTS
ที่แยกการฟัง พูด อ่าน เขียนออกจากกันชัดเจน
Range ของคะแนนอยู่ที่ 10-160
ซึ่งสามารถนำไปเทียบกับ TOEFL หรือ IELTS
ได้ที่ Link
https://englishtest.duolingo.com/scores
.
.
ทั้งนี้ Duolingo ยังสามารถค้นหาได้ด้วย
ว่ามีมหา’ลัยไหนที่ร่วมโครงการของ Duolingo
โดยเข้าไปที่เวปไซต์
https://englishtest.duolingo.com/institutions
ค้นหาสถาบันหรือประเทศที่รับ Test ได้เลย
เรื่องต่อมาคือเรื่องข้องข้อสอบที่ต้องเจอ
รู้สึกว่ามันยากตรงเวลามันน้อยเนี่ยแหละ
Path ที่สมควรเวลาเยอะ ก็ดันน้อย
Path ที่สมควรเวลาน้อยก็ดันเยอะ ถถถถถถ
.
.
ข้อสอบส่วนแรกจะเจอกับการแยกคำศัพท์
ว่าคำศัพท์ไหนเป็นภาษาอังกฤษ
คำไหนไม่ใช่ ภาษาอังกฤษ
มีทั้งให้ดูการสะกด และการฟังสำเนียง
ซึ่งก็ดูเหมือนจะง่าย และให้เวลาเยอะมาก
(ความรู้สึกส่วนตัวนะ)
แต่ที่น่ากลัว คือ คำสะกด แบบหลอกเราเยอะมาก
ไม่มั่นจะก็อย่าตอบเลย
ถ้ามั่นใจก็ตอบไปเลย
.
.
ส่วนสำเนียงนี่โคตรหลอกลวง
บางครั้งเห้ยย ใช่แน่นอน Englishh
แต่สำเนียงการออกเสียง ลงท้าย แปลกๆ
หรือประหลาด ก็ถ้าไม่มั่นใจอย่าเลือกเลย
เรื่องคำศัพท์ บอยด์เองฝึกเวปนี้
https://www.vocabulary.com/
.
.
ส่วนต่อมาเป็น บทความประมาณ 1-2 ย่อหน้า
ให้เวลาประมาณ 3 นาที ในการเติมคำที่ขาดหายไป
ส่วนนี้ค่อนข้างยากพอสมควร
ถ้าเจอบทความง่ายก็ง่ายไป
ถ้าเจอบทความยาก ก็ตัวใครตัวมัน
ศัพท์ ที่เติม จะเหมือนมี Character เริ่มต้นให้เพื่อไบ้
ใช่ครับ ไบ้แดรก ถ้านึกไม่ออกจริงๆ
เพราะบางครั้ง ก็เป็น Past tense
บางครั้ง ก็เป็น Gerund !!
ส่วนนี้เน้นอ่าน บทความ English เยอะงับ
.
.
ส่วนต่อมาคือ การเขียนอธิบายภาพ
(รู้สึก ถึง I’m the Flash !!!!)
คือให้รูปภาพมา 1 รูปภาพกับเวลา 1 นาที
แล้วบรรยายมา มากเท่าไหร่ก็ได้เท่าที่ไหว
1 นาที มันจะเขียนได้กี่ประโยคกันคร้าบบบบบ ถามจริ๊งงงง !!
ส่วนตัวพยายามเขียนให้ได้ประมาณ 2-3 ประโยค
ถ้าจำไม่ผิด โจทย์มีประมาณ 3 ข้อ
ก็พยายามอย่าเขียนประโยคเดิมๆละกันนะ
.
.
ส่วนต่อมาคล้ายข้อเมื่อกี้เลย
ให้ภาพมา แล้วให้เวลา 90 วิในการพูดอธิบายภาพ
จะพูดอะไร ก็เล่าไปได้เรื่อยๆเลย
เหมือนวัด Speaking, Vocab, Production
.
.
ต่อมาเป็นเรื่องของการฟัง และเขียน
คือบอยด์รู้สึกพาร์ทนี้แมร่งยาก
บางประโยคไม่ยาวก็ไม่ยากหร่อกนะ
เช่น She lives in her country.
ซึ่งเราสามารถกดฟังซ้ำได้ 2 รอบ
ไม่รวมรอบที่พูดออกมาก่อนหน้า
แต่ความยากคือ
มันมีประโยคที่ยาวเว้ย แล้วข้อความยากด้วย
เจอไปทีไม่รู้จะจับใจความยังไงเลย
มือก็ต้องพิมพ์ หูก็ต้องฟัง
สมองแม่รงยังต้องจำอีก
แถมให้เวลาแค่ 60 วินาที
อ้ายพวกประโยคยาวนี่โคตรกินเวลาเลย
ฟังจบก็กินเวลาไปเกือบครึ่งละ
ยกตัวอย่างประโยคยาวที่เจอ
“Psychologist helps organs and organism to collaborate together which perform a specific function, they are called epithelial tissue”
…. ! WTF
เจอประมาณ 6-7 รอบนะถ้าจำไม่ผิด
.
.
ส่วนต่อมาจะว่าเป็น Episode ที่ 2 ที่ต้องเจอก็ได้
ส่วนนี้คล้ายๆกับ IELTS คือให้โจทย์มา แล้วพูดบรรยาย
ให้เวลา 90 วินาที ฟังโจทย์ 15 วินาที
แล้วพูดบรรยาย แสดงความคิดเห็น
ตอนนั้นได้บทความ ในฐานะ Wealth Country
คุณเห็นด้วยในการบริจาค ให้กับ ประเทศที่ย่ำแย่กว่าหรือไม่
เพราะอะไร โจทย์ อยากเล่าอะไรก็เล่าไปเลยเต็มที่
รู้สึกพาร์ทนี้บอยด์พูดได้ไม่คล่องเท่าไหร่
และลืมดึงศัพท์ยากๆเอาออกมาใช้
พยายามอย่านึกนาน หรือใช้คำพูด เอ่ออ อืมมม เอิ่มม !
นึกอะไรไม่ออก ก็พูดอะไรไปก็ได้
.
.
ต่อมาเป็นเรื่องของ การเขียนบรรยายบ้าง
คราวนี้มีเวลา 5 นาที รวมเวลาอ่านแล้วด้วย
คือต้องไฟแล่บอีกแล้ววววว !!
อย่างน้อยต้องเขียนให้ได้ 50 Words
แต่คะแนน production จะดีถ้าเกิน 100 words ขึ้นไป
ตอนนั้นได้โจทย์ว่า
ถ้ามีบริษัทมาตั้งในชุมชนของคุณจะเป็นอย่างไร ให้อธิบายเหตุผลด้วยว่าทำไม !?
ตอนนั้นเอาจริงๆเขียนไม่ทันเหมือนกัน มัวแต่ประดิษฐ์ศัพท์ ถถถถถ
ได้ไปประมาณ 92 Words เศร้าเลย
.
.
ส่วนสุดท้ายเป็นเรื่องของพูดอีกเช่นเคย
แต่คราวนี้ให้พูดอธิบายตาม Clue Card ที่ให้มา
เช่น อะไรคือแรงบันดาลใจของคุณ
ทำไมถึงรู้สึกว่าสิ่งนั้นเป็นแรงบันดาลใจ
บลาๆๆ อะไรประมาณนี้
ซึ่งการอธิบายเราต้องครอบคลุมโจทย์ที่ให้มาด้วย
.
.
พอขึ้น Episode 3 จุดนี้ชิลๆละครับ
เป็นพาร์ทที่ไม่เก็บคะแนน
แต่ใช้ในการส่งให้กับมหา’ลัย ที่เราสมัคร
เหมือน Interview Question
มี 2 พาร์ทย่อย คือ พูด และ เขียน
.
.
พาร์ทพูด ก็ให้เลือกโจทย์ว่าเราอยากตอบคำถามไหน
ตอนนั้นเลือกเรื่องเกี่ยวกับ การตัดสินใจในชีวิตที่ส่งผลสำคัญมากในชีวิต
แล้วก็อธิบายไปเรื่อยๆ 5 นาที
รู้สึกเขียนได้เยอะกว่าพาร์ทที่เก็บคะแนน
อาจจะเพราะเราได้เป็นฝ่ายเลือกโจทย์มาทำ
และไม่ได้กดดันจากการเก็บคะแนน
.
.
ส่วนพาร์ทพูดเล่าเรื่อง
ก็คล้ายกับพาร์ทเก็บคะแนนเลย แต่จะเล่าประมาณ 2-3 นาที
ซึ่งก็เล่าไปเรื่อยๆ จากโจทย์ที่เราเลือกนั่นแหละ
จบแล้วววว
ข้อควรระวัง
เท่าที่เจอ
- กฎห้ามไว้ผมยาวจนบังหู WTF เลยตัดเกรียนซะเลย
(คือถ้าจะไว้ยาว ก็ต้องเปิดให้เห็นหูชัดเจน) - ห้ามใส่หูฟัง ดังนั้นคอมส์ที่ใช้ เสียงต้องดังชัดเจน นี่คือจุดที่ยาก มันกลัวเราโกงไง !!!
- ขณะทำข้อสอบควรมองที่หน้าจอ อย่าก้มหน้านาน หรือ อย่าให้มีมีคนเดินเข้ามาในกล้อง ไม่งั้นที่สอบเป็น โมฆะ
- ยังมีอีกหลายข้อเค้าจะอธิบายก่อนสอบให้เราฟังก่อนสอบ
ส่วนตัวอยากสอบให้ได้ 120 ประมาณ IELTS 7
เพราะมหา’ลัยที่อยากสมัครเข้าเรียนต่อ ใช้ 115+
(ขาดอีก 5 คะแนนเอง TT)
แต่ว่าดันได้ 110 ประมาณ IELTS 6.5 เศร้าแพร่บ
หลังสอบเสร็จเค้าจะส่งคะแนนมาให้แยกเป็นส่วนๆ
ทำให้เรารู้ว่าอ่อนจุดไหน
จุดไหนควรปรับปรุงเพื่อเพิ่มคะแนนให้ดีขึ้น
ส่วนตัวบอยด์เองก็ อ่าน + เขียน ค่อนข้างโอเคร
แต่ขาดเรื่องของ Production ที่ยังเขียน และพูดได้น้อยอยู่
ก็คงต้องฝึกพูด ให้ลื่น และมีศัพท์ยากๆเพิ่มเข้าไป
รวมถึงการเขียนที่ต้องให้เกิน 100 words ในเวลาประมาณ 4 นาทีเพิ่ม
หวังว่าการรีวิวสอบภาษาอังกฤษโพสนี้
จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่กำลังเตรียมตัวสอบ
หรือเพื่อใช้ศึกษาเรียนต่อ ต่างประเทศนะครัช
ขอให้สมหวังทุกคนคร้าบ ^^